แนะนำ10ป่าชายเลน


1.ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลน คลองโคน

ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลน คลองโคน จังหวัดสมุทรสงคราม ป่าชายเลนใกล้กรุงเทพที่เดินทางเพียง 1 ชั่วโมงเศษก็เข้าไปสัมผัสธรรมชาติได้สบายๆ นอกจากจะได้เที่ยวชมระบบนิเวศน์ป่าชายเลน ที่มีทั้งต้นโกงกาง ต้นแสม และต้นลำพูแล้ว เพื่อนๆ ยังจะได้เห็นสัตว์เจ้าถิ่นประจำป่าชายเลนที่นี่อย่างปูก้ามดาบ ปูแสม ปลาอีจัง และที่ขาดไม่ได้คือฝูงลิงแสมที่บางครั้งอาจจะลงมาหยอกเย้าถึงเนื้อถึงตัวกันเลยทีเดียว นอกจากนั้นที่นี่ยังมีโฮมสเตย์ที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวเพื่อให้ไปสัมผัสวิถีชีวิตแบบพอเพียง พร้อมอาหารทะเลตัวโตๆ อิ่มใจแล้วยังอิ่มท้องอีกด้วย

ที่อยู่ : หมู่ 3 ต.คลองโคน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม 75000

เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน

ค่าเข้า : ฟรี

2. อ่าวคุ้งกระเบน

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี ก่อตั้งตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในปีพ.ศ.2524 เป็นป่าชายเลนอีกแห่งที่ยังมีความสมบูรณ์ มีสะพานไม้ให้เพื่อนๆ ได้เดินชมพันธุ์ไม้ ปลา และสัตว์น้ำในอ่าวได้อย่างเพลิดเพลิน แม้จะต้องเดินหลายกิโลเมตรก็ตาม แถมยังมีป้ายให้ศึกษาหาความรู้ได้ตลอดทาง ไฮไลท์เด็ดคือการไปชมรูปปั้นปลากระเบนยักษ์ เพราะที่นี่เคยมีปลากระเบนอาศัยอยู่ หรือจะเลือกปีนขึ้นหอดูเรือนยอดไม้เพื่อชมวิวทั้งหมดของที่นี่ก็ได้เช่นกัน

ที่อยู่ : ชายฝั่งทะเลตะวันออก บริเวณอ่าวคุ้งกระเบน ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี

เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน 8.00 – 18.00 น.

ค่าเข้า : ฟรี

3.วนอุทยานปราณบุรี อำเภอปราณบุรี

ดาบ” และ “กุ้งดีดขัน” เจ้ากุ้งดีดขันสัตว์หาตัวจับยากของป่าชายเลนแห่งนี้ ถ้าไม่เงียบจริงๆ ก็ยากที่จะเดินออกมาโชว์ตัว หากใครไม่อยากเดินวนอุทยานปราณบุรี อำเภอปราณบุรี ก็มีบริการเรือเช่าให้เพื่อนๆ ได้ใกล้ชิดธรรมชาติแบบมือเอื้อมถึงเลย หรือหากไม่จุใจพอก็มีบริการบ้านพักหรือกางเต้นท์ค้างแรมได้เช่นกัน

ที่อยู่ : วนอุทยานปราณบุรีหมู่ 1 ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77220

เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน8.00 – 16.00 น.

ค่าเข้า : ฟรี

4. หมู่บ้านสลักคอก

หากใครคิดว่าเกาะช้างมีแค่ทะเลกับโรงแรมแล้วล่ะก็ ลองมาทำความรู้จักหมู่บ้านสลักคอก หมู่บ้านชาวประมงแห่งเล็กๆ ในเวิ้งขนาดใหญ่คล้ายคอกที่ถูกล้อมรอบด้วยป่าชายเลน นักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนที่นี่ นอกจากจะได้สัมผัสวิถีประมงพื้นบ้านแล้ว ยังสามารถพายเรือคายัคไปตามแนวป่าชายเลนเพื่อศึกษาพันธุ์ไม้นานาชนิดด้วยตัวเอง หรือจะลองนั่งเรือท้องถิ่นอย่างเรือมาด (เรือกอนโดลา) ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

ที่อยู่ : หมู่ 4 บ้านสลักคอก ตำบลเกาะช้างใต้ จังหวัดตราด 23170

เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน

ค่าเข้า : ฟรี

5. หาดทรายดำ


ศูนย์การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ​หาดทรายดำและป่าชายเลน ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแหลมมะขาม จังหวัดตราด ถูกจัดให้เป็น 1 ใน 5 หาดทรายที่มีเม็ดทรายละเอียดเป็นสีดำ ถือสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ พบได้เพียง 5 แห่งในโลก แม้จะมีพื้นที่ไม่มากแต่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง เนื่องจากเป็นหาดทรายแบบป่าชายเลน เพื่อนๆ สามารถเดินเพลินๆ ชมป่าชายเลนที่มีต้นไม้และสัตว์นานาชนิด พร้อมย่ำหาดทรายดำที่เคยมีความเชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคได้

ที่อยู่ : ตำบลแหลมงอบ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด 23120

เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน 8.00 – 16.30 น.

ค่าเข้า : ฟรี

6. ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลน เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ชลบุรี

ที่แห่งนี้เป็นผืนป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติผืนสุดท้ายในจังหวัดชลบุรี มีเนื้อที่กว่า 300 ไร่ อีกทั้งยังมีสะพานไม้ความยาวกว่า 2,300 เมตร ซึ่งถือว่ายาวที่สุดในประเทศไทยให้เราได้เดินตลอดระยะทาง 2 กิโลเมตรกว่า เพื่อนๆ ได้เพลิดเพลินกับพันธุ์ไม้ของป่าชายเลน ทั้งโกงกางใบใหญ่ โกงกางใบเล็ก แสมดำ แสมขาว โปรงขาว โปรงแดง และสัตว์ต่างๆ เช่น ปลาตีน ปลากะพงขาว ปูก้ามดาบ ปูแสม กุ้งแชบ๊วย กุ้งกุลาดำ และนกนานาชนิด เรียกได้ว่าชุ่มปอดกันเลยทีเดียว

ที่อยู่ : หมู่ 3ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองจังหวัดชลบุรี 2000

เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน 8.30 – 18.30 น.ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท ค่าวิทยากรชั่วโมงละ 100 บาท ต่อวิทยากร 1 ท่าน

7. อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร

อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร ก่อตั้งขึ้นตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีปัจจุบันบริเวณนี้มีป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น มีพันธุ์ไม้นานาชนิด เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์หลายชนิด มีนกประจำถิ่นและนกอพยพ เพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมชมจะเดินดูหรือพายเรือคายัคก็เลือกได้ตามความชอบ

ที่อยู่ : ค่ายพระรามหก ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน 9.00 – 18.00 น.

ค่าเข้า : ฟรี

8. ทุ่งโปรงทอง

ทุ่งโปรงทองแห่งนี้ถือว่าเป็นป่าชายเลนที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดระยอง ความพิเศษของป่าชายเลนที่นี่คือเพื่อนๆ สามารถเดินชมความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนในระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร บนพื้นที่ทั้งหมดกว่า 3,000ไร่ เมื่อไปถึงสุดทางจะพบกับทุ่งต้นโปรงนับหมื่นๆ ต้น เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องลงมากระทบก็จะฉายแสงสีทองอร่ามไปทั่วบริเวณ สวยงามแล้วยังสูดโอโซนได้เต็มปอดอีกด้วย

ที่อยู่ : ชุมชนบ้านแสมภู่ ตำบลปากกระแสน้ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง

เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน 6.00 – 18.00 น.ค่าเข้า : ฟรี (มีค่าฝากรถยนต์ 25 บาท)

9. ป่าชายเลนอ่าวทุ่งคา

ป่าชายเลนแห่งนี้เป็นป่าชายเลนขนาดใหญ่ของฝั่งอ่าวไทย มีพื้นที่รวมประมาณ 25,000 ไร่ ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ มีสะพานไม้ให้เดินศึกษาป่าชายเลนและสัตว์น้ำความยาว 1 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางร่มรื่นด้วยเงาของต้นลำแพน แสมขาว โกงกางใบเล็ก และโกงกางใบใหญ่ หรือจะเลือกนั่งเรือชมหมู่เกาะต่างๆ ในหมู่เกาะชุมพรก็ได้ ไฮไลท์เด็ดคือ “สะพานแขวน” ที่สามารถมองเห็นวิวได้โดยรอบนั่นเอง

ที่อยู่ : บ้านโพงพาง ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร

เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน 7.30 – 17.00 น.

ค่าเข้า : ฟรี

10. ศูนย์วิจัยป่าชายเลนหงาว

ปิดท้ายกันที่ป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ศูนย์วิจัยป่าชายเลนหงาว มีพื้นที่กว่า 122,500 ไร่ โดยองค์การ UNESCO ได้ประกาศให้เป็น “พื้นที่เขตสงวนชีวมณฑล” อีกด้วย หากอยากมาเยี่ยมชมความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนแห่งนี้ก็มีให้เลือกทั้งแบบเดินชม ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. หรือเลือกนั่งเรือชมก็จะใช้เวลาประมาณ 3 ชม. ไฮไลท์เด็ดอยู่ที่ต้นโกงกางที่มีเส้นรอบวง 2 เมตร สูง 25 เมตร อายุ 200ปี ต้นเดียวในประเทศไทย สัตว์ป่าและหายากนานาชนิด เช่น นกกระเต็นแดงให้เราได้ชมกัน

ที่อยู่ :185 หมู่ 4 ตำบลหงาว อำเภอเมือง จังหวัดระนอง

เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน 8.30 – 16.30 น.

ค่าเข้า : ฟรี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *